ความดัน (Pressure)
จากนิยามความดันโดยทั่วไป ความดัน หมายถึง แรงที่กระทำบนพื้นที่หนึ่งตารางหน่วยในแนวตั้งฉากกับพื้นที่นั้น หรือ แรงดันในหนึ่งหน่วยพื้นที่
ในระบบ SI ความดัน มีหน่วยเป็นนิวตันต่อตารางเมตร (N/m2) ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ปาสคาล” (pascal) นั่นคือ 1 pascal = 1 Pa = 1 N/m2 (บางครั้งเราอาจพบหน่วย ปอนด์ต่อตารางนิ้ว: lb/in2) แต่ 1 Pa เป็นขนาดที่เล็กมาก โดยทั่วไปเรามักพบขนาด 10^5 Pa ซึ่งเรียกว่า 1 bar ดังนั้น 100 Pa คือ 1 millibar
กำหนดให้
F = แรงดันบนพื้นที่ทั้งหมด (หน่วยนิวตัน)
A = พื้นที่ที่รองรับแรงดัน (หน่วยตารางเมตร)
P = ความดัน (หน่วยนิวตัน / ตารางเมตร) N/m^2 หรือ (พาสคัล) Pa
หน่วยอื่น ๆ ของความดัน
1 พาสคัล (Pa) = 1 นิวตัน/ ตารางเมตร (N/m^2 )
1 บาร์ (Bar) = 1.0×10^5 N/m^2 (นิยมใช้ในทางอุตุนิยมวิทยา)
1 บรรยากาศ = 1.013×10^5 N/m^2 = 760 มม. ของปรอท
ความดันในของเหลว
ในการศึกษาความดันในของเหลว พบว่า เมื่อนำขวดน้ำพลาสติกมาใส่น้ำถ้าเจาะรูที่ผนังขวดน้ำจะพุ่งออกมาตามทิศทางที่แสดงด้วยลูกศร ดังรูปที่ 1 แสดงว่ามีแรงกระทำต่อน้ำในภาชนะ แรงนี้จะดันน้ำให้พุ่งออกมาในทิศทางที่ตั้งฉากกับผนังภาชนะทุกตำแหน่ง ไม่ว่าผนังจะอยู่ในแนวใด เราเรียกขนาดของแรงในของเหลวที่กระทำตั้งฉากต่อพื้นที่หนึ่งหน่วยของผนังภาชนะว่า “ความดันในของเหลว”
รูปที่ 1 แสดงแรงดันของน้ำ ณ ตำแหน่งต่าง ๆ ของขวด
เราอาจสรุปลักษณะความดันในของเหลว ได้ดังนี้
1. ของเหลวที่บรรจุอยู่ในภาชนะ จะออกแรงดันต่อผนังภาชนะที่สัมผัสกับของเหลวในทุกทิศทาง โดยจะตั้งฉากกับผนังภาชนะเสมอ
2. ทุก ๆ จุดในของเหลว จะมีแรงดันกระทำต่อจุดนั้นทุกทิศทุกทาง
รูปที่ 2 แสดงทิศต่าง ๆ ของแรงที่ของเหลวกระทำต่อผนังภาชนะและต่อวัตถุที่จมอยู่ในของเหลว
3. สำหรับของเหลวชนิดเดียวกันความดันของของเหลวจะเพิ่มขึ้นตามความลึก และที่ระดับความลึกเท่ากันความดันของเหลวจะเท่ากัน
4. ในของเหลวต่างชนิดกัน ณ ความลึกเท่ากัน ความดันของของเหลวจะขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของของเหลวนั้น
จากการทดลองตามข้อ 3 และ ข้อ 4 สามารถสรุปเป็นความสัมพันธ์ได้ว่า
เมื่อ k เป็นค่าคงตัวของการแปรผัน และเมื่อพิจารณาหน่วยของ k พบว่ามีหน่วยเป็น m/s2 ซึ่งเป็นหน่วยของความเร่ง ดังจะได้ศึกษาต่อไปนี้
เมื่อพิจารณาแรงกระทำของของเหลว ที่กระทำต่อก้นภาชนะดังรูปที่ 3a หรือที่กระทำต่อพื้นที่สมมุติ A ดังรูปที่ 3b แรงกระทำก็คือน้ำหนักของลำของเหลวที่อยู่เหนือพื้นที่ A นั่นเอง ถ้าให้น้ำหนักของเหลวเหนือพื้นที่ A เท่ากับแรงดัน ความดันอันเนื่องจากน้ำหนักของของเหลว สามารถหาได้ดังต่อไปนี้
รูปที่ 3 ความดันในของของเหลวและแรงที่ของเหลวกระทำต่อผนังภาชนะ เนื่องจากน้ำหนักของของเหลว
จากนิยาม ความดัน ( P ) = F/A
ดังนั้นจะได้ว่า
และจากการทดลอง p = krh จะได้ว่า k ก็คือ g นั่นเอง ซึ่งสอดคล้องกัน ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า “สำหรับของเหลวที่อยู่นิ่ง ณ อุณหภูมิหนึ่ง ๆ ความดันของของเหลวจะแปรผันตรงกับความลึกและความหนาแน่นของของเหลวเสมอ” (ไม่ขึ้นอยู่กับรูปร่างของภาชนะหรือปริมาตรของของเหลว )
ถ้าจะกล่าวให้ง่ายขึ้น หรือเปล่า นะ เมื่อความดันคือแรงที่กระทำบนพื้นที่ และแรงในที่นี้ หมายถึงน้ำหนักของวัตุถุล่ะ
ความดันที่เกิดจากน้ำหนักวัตถุ เช่น รองเท้าส้นสูงของผู้หญิงทำให้เกิดความดันกดบนพื้นมากกว่ารองเท้าพื้น แบน เพราะน้ำหนักของผู้ที่สวมจะกดลงบนพื้นที่ที่เล็ก ทำให้เกิดความดันที่มากกว่ารองเท้าพื้นแบนซึ่งน้ำหนักจะกระจายไปเป็นที่ กว้างกว่า ทำให้มีความดันน้อยกว่า
ความดันของของเหลว ความดันของเหลวจะขึ้นอยู่กับระดับความลึกและความหนาแน่น เช่น เมื่อผู้ที่ว่ายน้ำดำน้ำลงไปก้นสระน้ำ ความดันก็คือน้ำหนักของน้ำที่อยู่เหนือผู้ดำน้ำทั้งหมด ยิ่งดำลึกเท่าไรก็ยิ่งมีความดันมากเท่านั้น และหากเปลี่ยนจากน้ำกลายเป็นของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่า เช่น น้ำทะเล ความดันก็จะเพิ่มมากขึ้น
สรุปได้ว่า
1. ของเหลวชนิดเดียวกัน ที่ความลึกเท่ากันจะมีความดันของของเหลวเท่ากัน
2. ความดันของของเหลวขึ้นอยู่กับความลึกและความหนาแน่นของของเหลว โดยมีความสัมพันธ์แบบแปรผันตรง
ความดันเกจและความดันสัมบูรณ์ของของเหลว
ปกติเราจะตั้งเครื่องมือให้อ่านความดันได้เป็นส่วนที่เกินจากความดันบรรยากาศ จึงเรียกว่า gauge pressure
ความดันบรรยากาศ (Po) + ความดันเกจ (Pg) = ความดันสัมบูรณ์ (P)
atmospheric pressure + gauge pressure = absolute pressure
ส่วนความดันเนื่องจากน้ำหนักของของเหลว อาจเรียกว่า ความดันเกจ
หมายเหตุ
1. ความดันเกจ (Pg ) ณ จุดใด ๆ คือ ความดันที่ไม่คิดความดันบรรยากาศ ส่วนใหญ่คือ ค่าที่อ่านได้จากมาตรวัดความดัน
2. ความดันสัมบูรณ์ (P) ณ จุดใด ๆ คือ ความดันที่คิดความดันบรรยากาศด้วย
3. ค่าความดันที่คำนวณในสมการของแก๊สทุกสมการเป็นค่าความดันสัมบูรณ์
4. การหาความดันของของเหลวในการคำนวณ จะไม่บอกว่าให้หาความดันเกจ หรือความดันสัมบูรณ์ต้องพิจารณาจากค่าความดันบรรยากาศว่าในโจทย์ให้มาหรือไม่ ถ้าไม่ให้ Po แสดงว่าใช้ Pg แต่ถ้าให้ Po มาด้วย แสดงว่าให้ใช้ P (ความดันสัมบูรณ์)
ในการศึกษาความดันในของเหลว พบว่า เมื่อนำขวดน้ำพลาสติกมาเจาะรู ขนาดพอสมควร น้ำจะพุ่ง ออกมาจากรูที่เจาะไว้ สถานการณ์จำลองข้างล่าง แสดงว่ามีแรงกระทำต่อน้ำในภาชนะเมื่อภาชนะมีรูเปิด แรงนี้จะดันน้ำให้พุ่งออกมาซึ่งมีทิศตั้งฉากกับผนังภาชนะที่ตำแหน่งรูเปิดเสมอ ไม่ว่าผนึกจะอยู่ในแนวใด เราเรียกขนาดของแรงในของเหลวที่กระทำตั้งฉากต่อพื้นที่หนึ่งหน่วยของผนังภาชนะว่า ความดันในของเหลว
รูป แสดงการศึกษาความดันในของเหลว
การแบ่งประเภทของความดันในของเหลว แบ่งได้เป็นความดันเกจและความดันสมบูรณ์ของของเหลว
1. ความดันสมบูรณ์ของของเหลว ณ จุดใดๆ มีค่าเท่ากับผลรวมของความดันอากาศกับความดันเนื่องจากน้ำหนักของของเหลวที่จุดนั้น
ถ้ากำหนดให้
Pg = ความดันเนื่องจากน้ำหนักของของเหลว
P0 = ความดันบรรยากาศที่ผิวหน้าของของเหลว
P = ความดันสมบูรณ์ของของเหลว
จะได้ว่า P = Po + Pg
หรือ P = Po + ρgh
2. ความดันเกจ ( Pg ) หมายถึง ความดันที่เกิดจากน้ำหนักของของเหลว หรือหมายถึงความดันที่เป็นผลต่างของความดันสมบูรณ์ของของเหลวที่ตำแหน่งนั้น กับความดันอากาศปกติ
ถ้ากำหนดให้
Pg = ความดันเกจ
P = ความดันสมบูรณ์
Pa = ความดันบรรยากาศ หรือใช้ P0
จะได้ว่า Pg = ρgh = P – Pa
การพิจารณา 2 ตำแหน่งในของเหลวที่มีความดันสัมบูรณ์เท่ากัน
หลักการ 2 จุดใดๆ ในของเหลวชนิดเดียวกัน ที่เชื่อมต่อถึงกันและอยู่ในระดับเดียวกัน สรุปได้ว่า 2 จุดนี้มีความดันสัมบูรณ์เท่ากัน
มุมมองที่มีต่อ ความดันเกจและความดันสัมบูรณ์
ถ้าความดันภายในยางรถยนต์มีขนาดเท่ากับความดัน บรรยากาศ ยางจะแบน ความดันภายใน ยางรถยนต์จะต้อง มีขนาดมากกว่าความดันบรรยากาศจึงจะสามารถพยุงรถอยู่ได้ ปริมาณที่เราสนใจคือ ผลต่างระหว่างความดันภายในกับความดันภายนอก เมื่อเราพูดว่าความดันของยางรถยนต์มีค่า 32 ปอนด์ (พูดสั้น ๆ แทน 32 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (lb/in2 หรือ psi) ซึ่งมีค่าเท่ากับ 220 kPa) เราจะหมายความว่า ความดันภายในยางรถมีขนาดมากกว่าความดันบรรยากาศเป็นปริมาณ 32 ปอนด์ (ความดันบรรยากาศ มีค่าเท่ากับ 14.7 lb/in2 หรือประมาณ 101 kPa) นั่นหมายถึง ความดันสุทธิภายในยางรถยนต์คือ 47 lb/in2 หรือ 321 kPa
เราเรียกผลต่างระหว่างความดันภายในภาชนะกับความดันบรรยากาศว่า ความดันเกจ (gauge pressure) จากตัวอย่างข้างต้น 32 lb/in2 คือ ความดันเกจ ความดันสุทธิภายในภาชนะเรียกว่า ความดันสัมบูรณ์ (absolute pressure) จากตัวอย่างข้างต้น ความดันสัมบูรณ์ของยางรถยนต์คือ 47 lb/in2
ส่วนมาก เวลาเรากล่าวถึงความดันเกจ เรามักจะมองว่า ความดันเกจ เป็นความดันของของเหลวที่เกิดจากน้ำหนักของเหลวกดลงในแนวดิ่ง มีลักษณะที่สำคัญดังนี้
1.ความดันเกจแปรผันตรงกับความลึก(h) และความหนาแน่นของของเหลว แต่ไม่ขึ้นกับรูปร่างภาชนะและปริมาตรของของเหลว
2.ความลึก(h) วัดจากผิวของเหลวลงไปถึงจุดที่ต้องการหาความดัน ลึกมากความดันมาก
3.ในของเหลวชนิดเดียวกันความหนาแน่นของเหลวเท่ากัน ที่ระดับเดียวกันความลึกเท่ากัน จะมีความกันเกจเท่ากัน
ระดับของของเหลวในภาชนะไม่ขึ้นกับรูปร่าง
ความดันบรรยากาศ ( Atmosphere pressure )
ทอริเชลลิ ( Torricelli ) ใช้หลอดแก้ว บรรจุปรอทเต็มแล้วคว่ำลงในอ่างปรอท น้ำหนักของปรอทจะดึงตัวเองลงมาทำให้ส่วนบนหลอดเป็นที่ว่าง แต่ยังคงมีลำปรอทค้างในหลอดได้เพราะ มีอากาศดันด้วยความดัน Pa แสดงว่า ความดันของอากาศเท่ากับความดันเนื่องจากน้ำหนักของปรอท สูง h
Pบรรยากาศ = Pปรอท
Pบรรยากาศ = ความหนาแน่นของปรอท g h
จากการทดลอง เมื่อคว่ำปรอทในหลอดแก้วจะมีความสูงจากผิวปรอทในอ่างเท่ากับ 76 เซนติเตร ความหนาแน่นของปรอทเท่ากับ 13.6×103 kg/m3
( เมื่อ ค่า g = 9.8 m/s2 ) จะได้
Pa = 13.6 x 10^3 x 9.8 x 0.76
Pa = 1.01×10^5 N/m2
การบอกความดันของบรรยากาศ บอกได้ 3 วิธี
1. บอกเป็นหน่วยความดัน เช่น วันนี้อากาศมีความดัน 1.01 x 10^5 N/m2
2. บอกเป็นความสูงของปรอท เช่นวันนี้อากาศมีความดันของปรอทสูง 76 ซม.หรือ 760มม.ของปรอท
3. บอกเป็นความสูงของน้ำ เช่น วันนี้อากาศมีความดันเท่ากับน้ำสูง 10.3 ม.
ตัวอย่างการนำความรู้เรื่องความดันไปใช้
กาลักน้ำ รู้จักกันไหมเอ่ย
ปั๊มน้ำ พลังน้ำ
ลำปรอทที่อยู่ในหลอดแก้วก้นปิดที่คว่าำอยู่ในอ่างปรอท สูง 760 เซนติเมตร ทราบแล้วว่า
มีความดันที่ผิวปรอทในอ่าง เ่ท่ากับความดันบรรยากาศ
ถามว่า ถ้า
1.หลอดยาว 760 เซนติเมตร ลำปรอทในหลอดสูง 10 เซนติเมตร ที่เหลือเหนือลำปรอท เป็นอากาศ
จงหาความดันของลำปรอทที่สูง 10 เซนติเมตร
2.หลอดยาว 10 เซนติเมตรมีลำปรอทบรรจุอยู่เต็ม คว่าอยู่ที่ผิวปรอทในอ่างปรอท
จงหาความดันของลำปรอท
😿😹
ดีมาก
เว็บนี้ละเอียดดีค่ะ….ชอบบบ^^